22.3.11

¡¡¡ÖOOHZIL!!!


“ความฝันของผมคือ บาร์เซโลน่า เสมอ...ผมหวังว่าจะได้เล่นที่นั่นในอนาคต...มันเป็นความฝันของผมตั้งแต่ยังเด็กๆ” ไม่อยากจะเชื่อก็ต้องเชื่อครับว่านี่คือคำพูดของ เมซุต โอซิล เมื่อต้นปี 2010 ก่อนหน้าที่จะย้ายมา เรอัล มาดริด สโมสรคู่ปรับตลอดกาลของ บาร์ซ่า เพียงแค่ 7 เดือนเท่านั้น...

ในช่วงระหว่าง 7 เดือนนั้นสิ่งต่างๆมากมายได้เกิดขึ้นกับ โอซิล...ในเยอรมัน เขากลายเป็นผู้เล่นที่โดดเด่นที่สุดใน บุนเดส ลีก้า...ถึงกระนั้นจุดเปลี่ยนจริงๆของเขาคงหนีไม่พ้นเวที ฟุตบอลโลก ที่ แอฟริกาใต้ แน่นอน...

เขากลายเป็นนักเตะที่มีชื่อเสียงระดับโลก ภายหลังผลงานอันยอดเยี่ยมกับทีมชาติ เยอรมัน (ซึ่งเซียนบอลต่างๆเห็นตรงกันว่าชุดนี้ไม่น่ากลัวเท่าชุดก่อนๆ ยิ่งขาด บัลลัค แล้วยิ่งลุ้นยาก) สามารถพาทีมเข้าถึงรอบสี่ทีม และคว้าอันดับสามของฟุตบอลโลก ได้อย่างพลิกความคาดหมาย

นักเตะคนแรก ที่มีเชื้อสายย้ายถิ่นฐานเข้าประเทศที่ติดทีมชาติเยอรมัน (ปู่เป็นคน ตุรกี)

ปีนั้น เมซุต โอซิล เจ้าของฉายา "เมสซี่ เยอรมัน" ในสโมสร เบรเมน และ ทีมชาติ เยอรมัน ทำแอตซิสต์ให้เพื่อนยิง 33 ครั้งในทุกๆรายการรวมในฟุตบอลโลกด้วย...ถือเป็นสถิติที่สุดยอดจริงๆ

Defensa Central แหล่งข่าวอีกแหล่งสำคัญของ เรอัล มาดริด ได้ทำการสำรวจคะแนนนิยมในตัวของ เมซุต โอซิล...ผลปรากฏออกมาว่า 99% ของคนที่ร่วมแสดงความคิดเห็น อยากให้ โอซิล มาร่วมทีม เรอัล มาดริด....ตัวผมเป็นอีกหนึ่งเปอร์เซนที่เหลือ...เหตุผลอะไรนั้นเคยเขียนไปแล้ว ลองไปอ่านดู

หลายๆทีมสนใจ แย่งตัวกัน สุดท้ายเป็น เรอัล มาดริด ที่ได้ตัวมาด้วยค่าตัวค่อนข้างย่อมเยา 12 ล้านยูโร (ไม่นับออปชั่นบวกอีก 3 ล้านยูโร) ซึ่งการเซ็นสัญญาครั้งนี้เป็นการขอจาก โฆเซ่ มูรินโญ่ โดยตรง


โดยหลังย้ายมาร่วมทีมแล้ว โอซิล ก็ได้บอกว่าเขาได้ตัดสินใจย้ายมาร่วมทีม เรอัล มาดริด ภายหลังคุยผ่านทางโทรศัพท์กับ โฆเซ่ มูรินโญ่ เวลาประมาณ 45 นาที มูรินโญ่ บอกว่าเขาต้องการ โอซิล ร่วมทีมไม่ว่าจะราคาเท่าไร และมีแผนสำหรับ โอซิล ในการทำทีมของเขาแน่นอน การคุยครั้งนั้นทำให้ โอซิล มุ่งหน้าตรงมา มาดริด ทันที

การย้ายมาของ โอซิล ยังเป็นที่แคลงใจของแฟนๆบางส่วน (ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น) ถึงแม้จะย้ายเข้ามาในราคาไม่แพงมากมาย แต่แฟนๆก็กังวลว่าจะได้ลงสนามหรอ? กาก้า กลับมาแล้วทำยังไง? มีทั้ง ฟาร์ท (ก่อนจะโดนขาย) ทั้ง กราเนโร่ ทั้ง กานาเลส ทั้ง กาก้า แล้ว โอซิล อีกคนมันไม่เยอะเกินหรอ? สภาพความฟิตพี่แกจะไหวไหม ท้องป่องเชียว? และอื่นๆอีกมากมาย

พุงป่องๆของในช่วงที่ย้ายมาแรกๆ โอซิล

แต่ โอซิล ก็ได้ค่อยๆตอบคำถามต่างๆเหล่านั้น ผ่านการร่ายมนต์ในสนามทีละคำถามสองคำถาม

การปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมใหม่ๆของ โอซิล เป็นไปได้อย่างราบรื่นกว่าที่หลายๆคนคาดคิด ในช่วงเดือนแรกๆ พ่อแม่เขาย้ายเข้ามาอยู่ด้วย เลยอาจจะทำให้ปรับตัวง่ายขึ้น นอกจากนั้นเจ้าตัวยังเรียนภาษาสเปน 3 ครั้งต่ออาทิตย์ ครั้งนึงถ้าวันว่างๆเรียน 4-5 ชั่วโมง!

อีกจุดนึงที่ช่วยในการปรับตัวของเขา อย่างปฏิเสธไม่ได้เลยคือการมาของ ซามี เคดิร่า ซึ่งก็ย้ายในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ทั้งคู่อยู่ในทีมเยอรมันที่คว้าอันดับสามในบอลโลก พูดเยอรมันกันทั้งคู่ ทั้งคู่มัำกพากันไปกินร้านอาหารสเปนร้านโปรดของทั้งคู่อยู่บ่อยๆ นอกจาก เคดิร่า บางที โอซิล ก็ไปกับ มาร์เซโล่, เปเป้, ดิมาเรีย และ อิกวาอิน บ้าง


เมซุต โอซิล ไม่ต้องใช้เวลานานในการกลายเป็นขวัญใจคนใหม่ใน ซานติเอโก เบอร์นาบิว ซึ่งตามหาทายาทผู้สืบทอดตำแหน่งจอมทัพมานานแสนนาน ภายหลังการจากไปของ ซีนาเดน ซีดาน...สิ่งที่แม้แต่ ริคาร์โด้ กาก้า อดีตเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ค่าตัว 65 ล้านยูโร ไม่สามารถทำได้ในระยะเวลาปีครึ่ง

การครองบอลในพื้นที่แึคบๆ การจ่ายบอล ความคิดสร้างสรรค์ ความเร็ว ความเยือกเย็น ล้วนมีส่วนให้ เมซุต โอซิล เป็นจอมทัพที่ครบเครื่องสำหรับทีมระดับโลกอย่าง เรอัล มาดริด จนขนาด ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ได้กล่าวไว้ตั้งแต่ช่วงปลายๆของครึ่งฤดูกาลแรกว่า โอซิล สามารถเป็นนักเตะที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ เรอัล มาดริด เลย...


สำหรับในฤดูกาลนี้ ผลงานที่ทำอยู่ถือว่ายอดเยี่ยมมากๆจนหลายๆคนยกว่าเป็นหนึ่งในตัวเต็ง บัลลงดอร์ เลย...ซึ่งผมว่าก็เป็นไปได้นะ ขึ้นอยู่กับผลงานของ เรอัล มาดริด ด้วยแหละว่าสามารถไปได้ไกลขนาดไหนใน ยูฟ่า แชมป์เปี่ยนส์ลีก...

โอซิล กลายเป็นหนึ่งในกำลังหลักของ เรอัล มาดริด ที่ขาดไม่ได้ในระยะเวลาอันสั้น ในปีนี้เขาทำแอตซิสต์ไปแล้ว 10 ครั้งในลีก (สร้างโอกาสให้เพื่อนอีก 83 ครั้งซึ่งไม่ได้จบด้วยการเป็นประตู) และอีก 4 ครั้งในบอลถ้วย...ยิงไปแล้ว 6 ประตูใน ลาลีก้า และอีก 4 ในบอลถ้วย...เรียกจุดโทษได้ 5 ครั้ง...มีค่าเฉลี่ยจับบอลทุกๆ 1.88 นาที...มีส่วนร่วมกับ 33 ประตูที่ทีมทำได้...มีส่วนร่วมกับโอกาส 237 ครั้งที่ทีมยิงเข้ากรอบ...เล่นเกมส์ใน ลาลีก้า ไป 29 เกมส์ รวม 3,169 นาที

หลายๆคนบอกว่า โรนัลโด้ เป็นทุกๆอย่างของ เรอัล มาดริด...ซึ่ง โอซิล ก็ปฏิเสธคำกล่าวนั้นไปแล้ว ในเกมส์กับ ราซิ่ง ที่ เอล ซาดิเนโร่ โอซิล ร่ายมนต์ เป็นผู้นำในเกมส์รุกของทีมอย่างแท้จริง

ภายหลังจากเกมส์นั้น โอซิล ได้รับเสียงยกย่องจากสื่อต่างๆทั่วโลก

"Die Welt" สื่อเยอรมันยกย่องให้ โอซิล เป็น โมสาร์ท แห่งวงการฟุตบอล

ผลงานดีอย่างนี้เลยหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่จะถูกนำไปเทียบกับตำนานของสโมสร และ ไอดอลส่วนตัวของเขา อย่าง ซีนาเดน ซีดาน...โดย โอซิล ก็ตอบกลับไปว่า "เมื่อ ซีดาน มามาดริด เขามาในฐานะผู้เล่นระดับโลก ในขณะที่ผมย้ายมาเพื่อเรียนรู้ ผมยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องพิสูจน์"

ในวัยเพียง 22 ปี...เมซุต โอซิล กลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดในโลกในตำแหน่งของเขา...เราได้เห็นความสามารถของเขาแล้วว่า เขาสามารถไปไกลได้ขนาดไหนหากยังคงพัฒนาตนเองต่อไป...ซึ่งระยะที่ว่านั้นมันไกลจริงๆ...น่าติดตามทีเดียวว่า โอซิล จะสามารถไปได้ถึงจุดไหน...

แต่ที่แน่ๆ เขาออกตัวได้แรง และ สง่างามจริงๆ...


hala mesut!
hala madrid!