23.4.11

"รอดูกันดีกว่าว่าฟ้าได้ลิขิตอะไรไว้ให้เรา" - ราอูล กอนซาเลซ

บทสัมภาษณ์ของอดีตกองหน้าของ เรอัล มาดริด...ตำนานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอีกบทหนึ่งของสโมสร...ได้ย้ายออกไปเจอสิ่งต่างๆที่แปลกใหม่กับ ชาลเก้ 04 ในเยอรมัน ตอนนี้เข้ารอบ 4 ทีมของ ยูฟ่า แชมป์เปี่ยนส์ลีก ที่จะเจอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในวันพุธ...ชายผู้นั้นคือ ราอูล กอนซาเลซ




แปดปีหลังจากการเข้าชิง แชมป์เปี่ยนส์ลีก ครั้งสุดท้าย...ตอนนี้คุณกลับมาอยู่ในรอบ 4 ทีมอีกครั้ง...หลังจากย้ายทีมออกมาจาก เรอัล มาดริด...หลายๆคนคิดว่าการจากมาของคุณเป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้น คุณกลายเป็นดาวเด่นของซีซั่นนี้ คุณคาดหวังว่าคุณจะยืนอยู่จุดนี้หรือไม่? ชาลเก้ คาดหวังไหม?

ไม่...นี่เป็นทีมที่พึ่งถูกสร้างขึ้นมา ในลีกเราเจอปัญหาอยู่บ่อย เราแพ้ 5 เกมส์แรกของฤดูกาล เี่ราอันดับอยู่แต่กลางตารางตลอด แต่ในแชมป์เปี่ยนส์ลีก ตั้งแต่ในรอบแบ่งกลุ่มกับ ลียง, เบนฟิก้า, ฮาโปเอล และในรอบน็อคเอ้าท์ทั้งหลาย เราเล่นได้ดีมากๆ เราพัฒนาตัวเองขึ้นมา และเราเริ่มมั่นใจมากขึ้น ในการเจอกับ บาเลนเซีย และ อินเตอร์ ผู้คนต่างคาดว่าเราจะโดนเขี่ยตกรอบ แต่เราก็ผ่านมาได้อย่างที่สมควร


ถึงแม้คุณไม่ได้คาดหวังว่าจะมาไกลขนาดนี้ การที่ ชาลเก้ ได้เล่นใน ยูฟ่า แชมป์เปี่ยนส์ลีก มีผลกับการตัดสินใจของคุณมากแค่ไหน? คุณมีโอกาสที่จะกลายเป็นดาวเตะที่ยิงประตูในฟุตบอลสโมสรยุโรปมากที่สุดตลอดกาล คุณเล่นและยิงในแชมป์เปี่ยนส์มากกว่าใครๆ ใช่การที่จะได้เล่นในรายการนี้รึเปล่า ที่ทำให้คุณย้ายมา?

มันพิเศษ และมันก็มีส่วนด้วย เกมส์ในแชมป์เปี่ยนส์ลีกมันต่างจากเกมส์อื่นๆ แต่เหตุผลหลักคือโค้ช (เฟลิกซ์ มากัธ ซึ่งโดนปลดไปแล้ว) เชื่อมั่นในตัวผม ชาลเก้ เป็นทีมที่ดีในลีกที่ดี พวกเขาจบอันดับสองปีที่แล้ว พวกเขาได้่เล่นในแชมป์เปี่ยนส์ลีก และต้องการคว้าแชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 50 ปี พวกเขาให้โอกาสผมเล่นแข่งขันสม่ำเสมอ ปีหน้าเราอาจจะไม่ได้เล่นใน แชมป์เปี่ยนส์ลีก แต่ผมก็จะไม่ไปไหน ก่อนหน้าเข้าร่วมทีมกับ ชาลเก้ มันก็มีโอกาสที่ผมจะไปร่วมทีมอื่นๆ แต่นี่เป็นสิ่งท่ผมต้องการ ผมต้องการเล่นสม่ำเสมอ ต่อสู้นานอีกหน่อย ผมรู้สึกดีทั้งกายและใจ ผมหวังว่าผมจะเล่นอีกซักปีนึง แต่ถ้าผมรู้สึกเช่นนี้ต่อไป ถ้ามันยังดึงดูดสำหรับผม ผมก็จะเล่นต่อไปเรื่อยๆ



คุณบอกว่าคุณมีโอกาสที่จะย้ายไปทีมอื่นๆ ทีมเหล่านั้นมีอะไรบ้าง? มีผู้คนพูดถึงว่าตัวเลือกหนึ่งในนั้นคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กำลังจะเจอกับคุณในวันอังคาร...

มันมีหลายตัวเลือก ยูไนเต็ด เป็นหนึ่งในนั้น แต่บุคคลคนเดียวที่รู้ว่ามันจริงแค่ไหน หรือมันใกล้แค่ไหนคือ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน...ผมไม่เคยคุยกับเขาตัวต่อตัว แต่มันมีสัญญามาจากทาง ยูไนเต็ด...ก่อนผมจะตัดสินใจมาที่นี่ ผมคิดเกี่ยวกับประเทศอังกฤษเหมือนกัน ซึ่งผมก็มีหลายๆทีมจากที่นั่นยื่นข้อเสนอมา ผมชอบวัฒนธรรมฟุตบอลของเขานะ ความสำคัญของฟุตบอล เรื่องบรรยกาศ เรื่องความเข้มข้น...ผมเคยไป โอลด์แทรฟฟอร์ด, ไป อาร์เซน่อล,ไปดู เฟอร์นันโด มอริเอนเตส ที่ ลิเวอร์พูล และมันพิเศษมากๆ ผมชอบความคิดที่จะไปอังกฤษนะ แต่ผมอยากลองอะไรที่มันแปลกออกไป แต่ผมก็ได้รับประสบการณ์เหมือนอังกฤษที่นี่นะ พวกเราพากันไปเชียร์ 3000 หรือ 4000 คนทุกๆเกมส์ คุณไม่เคยอยู่ตัวคนเดียว ผมมีความสุขไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว


คุณถึงกับขึ้นไปบนอรรธจันทร์ ฉลองกับแฟนๆ...(หลังผ่านเข้ารอบ 4 ทีมสุดท้าย)

ใช่...มันยอดเยี่ยมมาก ผู้เล่นหนึ่งคนได้ถูกเลือกให้เป็นตัวแทนไปร่วมกับพวกเขา ผมพูดคุยกับแฟนๆบางคน พวกเขาเข้าใจผม ที่ มาดริด การได้ชัยชนะเป็นหน้าที่...ที่นี่ คุณได้ชัยชนะ และถึงผมจะไม่เรียกมันว่าเป็นงานเลี้ยงฉลอง แต่มันก็แปลกออกไป...มันมีความรู้สึกขอบคุณ ความสนุกสนาน...เป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยม ซึ่งทำให้คุณรู้สึกครบขึ้น



คุณมีคิดบ้างไหมว่า ซีซั่นนี้มันดีเหลือเกิน บางทีคุณน่าจะมาเร็วกว่านี้?

การเล่นให้ มาดริด อย่างยาวนานสำคัญกว่า...ผมได้มาถึงจุดๆที่ผมรู้สึกว่าบทบาืทของผมมันจบแล้ว ถ้าผมอยากจะสนุกกับฟุตบอลต่อ ผมต้องย้ายออกมา ผมสามารถอยู่ที่นั่นต่อได้ แต่มันก็จะไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการ ผมจะไม่สนุกไปกับมัน มันไม่เกี่ยวกับความสำเร็จ...ในเดือนตุลา พฤจิกา หลายๆอย่างเป็นไปได้ไม่ค่อยดี ผมยิงได้แค่ลูกสองลูก ทีมเจอช่วงที่สถานการณ์ยุ่งยาก แต่ผมก็ยังมีความสุข ตอนผมมาที่นี่ ผู้คนเจอผมและบอกขอบคุณกับผม ขอบคุณที่ย้ายมา ชาลเก้...สำหรับผมนั้น มันเหลือเชื่อมากๆ


และหลังจากนั้น คุณก็เริ่มชนะมาเรื่อยๆ...

และชนะด้วยการเล่นได้ดีด้วย! ผมไม่อยากเชื่อจริงๆ ไม่เชื่อจริงๆ ในตอนแรก ในรอบแบ่งกลุ่ม (แชมป์้เปี่ยนส์ลีก) เราจบอันดับหนึ่ง...อันดับหนึ่ง! ยอดเยี่ยม รอดูกันต่อว่าอะไรจะเกิดขึ้นในรอบ 16 ทีม...บาเลนเซีย...และเราก็ชนะ...อินเตอร์ ทีมแชมป์ยุโรป...เรายิง 5 ลุกในอิตลี! และตอนนี้เราอยู่ในรอบ 4 ทีม...และตอนนี้ในบอลถ้วย เยอรมัน มีทีมดิวิชั่นสองสองทีม, พวกเรา, และ บาเยิร์น อยู่ในการจับฉลาก...เราจับได้ บาเยิร์น...ที่บ้านของเขา...แม่เจ้า...แต่เมื่อคุณไปถึง...คุณชนะออกมาได้! ฮ่าๆ! ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ ผมถือว่าผมได้เจอในสิ่งที่ผมมองหาแล้ว


ในความคิดของคุณ การที่ย้ายออกมาจาก มาดริด มันทำให้คุณโล่งบ้างไหม? มันโล่งไหมที่คุณไม่ต้องแบกน้ำหนักของการเป็นกัปตันทีม เรอัล มาดริด?

ผมออกแนวผ่อนคลายมากกว่า ที่ มาดริด นอกจากต้องเล่นฟุตบอล ผมมีความรับผิดชอบหลายๆอย่างด้วย สุดท้ายแล้ว นั่นก็กินพลังงานของคุณ ผมต้องการที่จะมุ่งมั่นแค่กับการฝึกซ้อม การเล่นฟุตบอล และการสนุกไปกับมัน กับเพื่อนๆ กับตัวเอง...ผมไม่กังวลเรื่องอื่นๆเลยตอนนี้ ผมไม่มีงานที่จะต้องเข้าร่วมทุกๆอาทิตย์ ไม่มีความรับผิดชอบต่างๆ นี่เป็นสิ่งที่ผมต้องการ เวลาที่ผมได้อยู่กับ มาดริด มันยอดเยี่ยมมาก มันเป็นสโมสรของผม ผมจะเป็น มาดริดิสต้า ตลอดไป...มาดริด เปลี่ยนชีวิตผม แต่ผมเดินทางมาถึงจุดที่ผมต้องหนีออกมา การได้เป็นกัปตันเป็นเกียรติอย่างสูง แต่ผมต้องการอะไรอย่างอื่นบ้าง และผมได้สิ่งเหล่านั้นที่นี้...นอกจากนั้น อีกหนึ่งสาเหตุที่ผมเป็นกัปตันที่นี่ไม่ได้คือ ภาษา ที่ต่างกัน


คุณพูดเยอรมันได้หรือยัง?

ผมเข้าใจ...โค้ชพูดทั้งในภาษา เยอรมัน และ อังกฤษ ซึ่งผมฟังง่ายกว่า มันฟังยาก แต่คุณก็รู้อยู่แล้วว่าโค้ชต้องการอะไรดูจากการฝึกซ้อม ผมมีล่ามสำหรับทุกๆอย่าง ภาษาเยอรมันเป็นภาษาที่ยาก


ความทรงจำอะไรที่เวลาพูดถึง ยูไนเต็ด แล้วคุณคิดถึง?

การตอกส้นของ เรดอนโด้...มันเหลือเชื่อมาก...แฮตทริกของ โรนัลโด้ ถึงแม้ผมจะเจ็บลงเล่นไม่ได้ก็ตาม...สองประตูของเราในกรุง มาดริด...



หน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งเช้าก่อนที่คุณจะเอาชนะที่ โอลด์แทรฟฟอร์ด ในปี 2000 เขียนไว้ว่า "ผมไม่กลัว ยูไนเต็ด" เขียนไว้เหมือนกับเป็นสิ่งเตือนใจ...น้อยคนนักคิดว่ามันเป็นไปได้...

มันยากมากๆ...พวกเขามีทีมที่เหลือเชื่อมาก...เราได้ผลการแข่งขันที่ยอดเยี่ยมที่บ้าน (เสมอ 0-0) แต่เราก็ยังไม่คิดว่าเราจะสามารถชนะพวกเขาได้ที่นี่...เราไม่ได้มีทีม เรอัล มาดริด ที่ดีที่สุด แต่เราเป็นกลุ่มที่ใกล้ชิดกันมากๆ...เรานำก่อน 0-3 แต่ืทันใดนั้นพวกเขาก็กลับมา 2-3...ถ้าเกมส์มันยาวกว่านี้ซัก 5 นาทีเราคงแย่...หลายๆเกมส์กับ ยูไนเต็ด มันพิเศษมากๆ


หลังจากเลกแรกในปีนั้น เฟอร์กูสัน บอกว่าคุณเป็นผู้เล่นที่ดีที่สุดในโลก

เขาพูดสิ่งดีๆกับผมเสมอ ผมก็ขอบคุณมากๆ เพราะเขาเป็นหนึ่งในโค้ชที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอล มันยากมากๆที่จะอยู่กับสโมสรๆหนึ่งในระยะเวลานานๆ เพื่อที่จะสร้างทีมที่แข็งแกร่งต่อๆไป พวกเขามีส่วนผสมระหว่างทีมหนุ่มกับผู้มีประสบการณ์อย่าง ไรอัน กิ๊กส์, ริโอ เฟอร์ดินาน, พอลล์ สโคลส์, ฟาน เดอร์ ซาร์, บวกกับนักเตะหนุ่มๆอย่าง รูนี่ย์ ซึ่งเป็นหนึ่งในซุปเปอร์สตาร์ของวงการฟุตบอล ถึงแม้พวกเขาจะไม่อยู่ในระดับเดียวกับ บาร์เซโลน่า เมื่อพูดถึงการเล่น แต่พวกเขาก็เข้าถึงรอบสี่ทีมเสมอ


คุณพูดถึง กิ๊กส์...กิ๊กส์ เคยเจอกับ ราอูล ใน ยูโรเปี้ยน คัพ รอบสี่ทีม...นี่มันปีอะไรแล้ว? อะไรคือกุญแจที่ทำให้พวกคุณอยู่ในจุดนี้ถึงตอนนี้?

เพราะพวกเรารักอาชีพนี้ เราสนุกไปกับมัน สำหรับ ไรอัน และ ผม มันคือชีวิตของพวกเรา...เขาเป็นมืออาชีพที่ดูแลตัวเอง เขาอายุ 37 แล้ว...37 ใช่ไหม? และตอนนี้เขาเล่นในทุกๆ 3 วันในตำแหน่งต่างๆ ทั้งกองกลาง ปีก ลึกกว่านั้น ตื้นกว่านั้น หรือบางที กองหน้า...กิ๊กส์ และ สโคลล์ เป็นผู้เล่นซึ่งผมชื่นชมอย่างมาก...ผมอยากแลกเสื้อกับ กิ๊กส์ หลังเกมส์ มันคงเป็นเกียรติอย่างสูง


กิ๊กส์, สโคลล์, และ คุณ ต่างมุ่งมั่นกับเกมส์การแข่งขันอย่างจริงจัง...เราไม่ค่อยเห็นพวกคุณออกงานต่างๆ หรือถ่ายโฆษณา หรือเรื่องต่างๆนอกสนามเท่าไร

ผมสามารถทำสิ่งต่างๆแตกต่างออกไปได้...แต่สิ่งที่ผมชอบจริงๆคือฟุตบอล นั่นเป็นเหตุผลที่ผมอยู่ที่นี่ เมื่อคุณยังเด็ก คุณทำอยู่หลายๆอย่าง แต่ในที่สุดคุณก็รู้ว่าคุณชอบอะไรจริงๆ...นั่นคือ การเล่นฟุตบอล...หลังจากนั้นคุณก็พยายามหลีกเลี่ยงสิ่งต่างๆเพื่อเก็บแรงมาให้สิ่งที่คุณชอบจริงๆ...เพราะเหตุนี้มันสามารถทำให้คุณเล่นได้นานขึ้น หากคุณไปทำหลายๆอย่าง คุณให้ความสนใจ และพลังงานกับสิ่งอื่น บางทีมันอาจจะเป็นตัวบ่อนทำลาย...มีหลายสิ่งหลายอย่างเช่นโฆษณา สัญญาต่างๆ...ไม่ใช่ผมไม่ทำโฆษณาเลย ผมก็ทำ! แต่ผมก็พยายามจัดชีวิตผมให้มันอยู่รอบๆ ฟุตบอล



คุณกับ กิ๊กส์ เป็นบทพิสูจน์ว่าผู้เล่นไม่ได้เล่นได้แค่ถึง 30 ใช่หรือไม่?

ถ้าคุณฝึกซ้อม คุณมีแรงกระตุ้น มีความหวัง คุณก็สามารถเล่นต่อไปเรื่อยๆได้ ลองดูคนที่วิ่งมาราธอนสิ พวกเขาอยู่ในจุดสูงสุดอายุราวๆ 40...วิ่ง 42 กิโล! ร่างกายคุณทำได้ แต่สิ่งสำคัญคือใจคุณ สุดท้ายแล้วมันก็ขึ้นอยู่กับใจล้วนๆ ผู้รู้จักผู้เล่นซึ่งเลิกเล่นแล้ว เข้ายิมทุกวัน วันละ 2 ชั่วโมง และพูดว่า "ผมไม่รู้ว่าตอนนี้วิ่งไปกี่กิโลแล้ว" และคุณตอบกลับไปว่า "คุณปกติบ่นหลังจากวิ่งไปประมาณ 10 นาที" การฝึกซ้อมมันอาจจะยาก แต่เมื่อคุณเตรียมสำหรับเกมส์ มันก็ไม่ยากขนาดนั้น ร่างกายคุณทำได้ คุณต้องเตรียมใจที่จะสู้ การซ้อมพรีซีซั่นมันไม่ง่าย แต่หลังจากนั้น สิ่งที่คุณทำไปมันก็เห็นผล คุณอยู่ในสภาพที่ดีขึ้น


คุณพูดเรื่องของการเตรียมจิตใจให้พร้อม แรงกดดันที่คุณได้รับมันเยอะกว่าที่เราคิดรึเปล่า?

มันก็ขึ้นอยู่ว่าคุณอยู่ที่ไหน บางทีคุณเห็นผู้เล่นอายุ 27 แล้วคุณคิดกับตัวเองว่า "หมอนี่หมดแล้ว" บางทีคุณเห็นผู้เล่นอายุ 30 แล้วคุณคิดว่า "โห...เขาบินอยู่เปล่าเนี่ย" หลายๆครั้งมันขึ้นอยู่กับเรื่องความมั่นใจ ความผ่อนคลาย เรื่องสภาพแวดล้อม หลายๆครั้งคุณเห็นผู้เล่น 35 36 แล้วคุณคิดว่าเขาหยั่งกับเด็กเลย...เรื่องจิตใจ ในชีวิต ในเกมส์การแข่งขัน สำคัญมากๆ


คุณบอกเสมอว่าคุณมีหนี้บุญคุณมากๆกับ ฟาบิโอ คาเปลโล่

ในตอนแรกคนๆนั้นคือ ฆอร์เก้ บัลดาโน่ แล้วค่อย คาเปลโล่ ซึ่งส่งผลกับตัวผมมาก...คาเปลโล่ นำความเป็นมืออาชีพ ทรรศนคติ และวิธีต่างๆมาจาก อิตลี...ไม่ว่าคุณจะอยู่บนสนาม 60 70 90 120 นาที คุณต้องมุ่งมั่นกับเกมส์ ทำงานหนักอย่างเป็นมืออาชีพ แล้วสุดท้ายคุณก็จะได้รางวัล เราสนิทกัน ผมมีความสัมพันธ์ที่ยอดเยี่ยมกับเขา ผมมั่นใจว่าเขาจะมาดูที่ แมนเชสเตอร์ แน่ๆ เพราะเขาไม่เคยพลาดซักนัด ผมเห็นเขาบนสแตนด์ประจำ และมันคงดีหากผมได้เจอกับเขาอีกครั้ง...เขาผลักดัน เขาต้องการมากจริงๆขากตัวผมในวัย 19 ปี ในช่วงนั้นผมยังเป็นวัยรุ่นใจร้อน แต่คุณก็รู้ว่ามันเป็นสิ่งดีกับตัวคุณ บางครั้งคุณได้ยินผู้เล่นต่างๆบ่นเรื่องความต้องการของโค้ช คำตอบของผมเสมอๆคือ "ดีแล้ว" ถ้าโค้ชไม่พูดอะไรกับคุณเลย นั่นจะแย่หนักกว่าเก่าอีก เขาทำไปเพื่อผลประโยชน์ของคุณเอง เขาต้องการให้คุณพัฒนาขึ้น เพื่อให้คุณเป็นผู้เล่นที่ดีขึ้น...คาเปลโล่ สำคัญกับผมมากๆ จริงๆถ้าผมแก่กว่านั้นในตอนนั้น มันคงไม่มีผลอะไรมาก แต่สำหรับผมแล้ว ส่วนตัวมันมีผลมากๆ...ผมเชื่อมั่นในตัวเขามากๆ ผมหวังกับอังกฤษมากกว่านั้นในบอลโลก มันยากที่จะทำผลงานให้ถึงความคาดหวัง ไม่แน่ในช่วงที่มันไม่ค่อยมีความคาดหวังมากนัก คุณอาจจะได้แชมป์ยูโรก็ได้ คุณไม่มีทางเลือกนอกจากรอ คุณต้องมีความเชื่อ ผมคิดว่า สเปน จะได้แชมป์ แต่อังกฤษอาจจะเข้าที่สองก็ได้นะ ฮ่ะๆ



คาเปลโล่ อยู่ มาดริด แค่ปีเดียวทั้งสองครั้งที่เขาคุม...ยูไนเต็ด มีโค้ชคนเดิมมาตั้งแต่ปี 1986...ในขณะที่ มาดริด...

...เรามีมา 15 16 คนแน่นอน...นอกจาก บีเซนเต้ เดล บอสเก้ โค้ชคนอื่นๆไม่ค่อยได้รับความต่อเนื่องเท่าไร เราไม่มีความอดทนพอ หากแผนงานไม่สำเร็จ ทั้งหมดถูกรื้อหมด...แต่ผมคิดว่า มาดริด ได้เจอบุคคลสำคัญในตัว โฆเซ่ มูรินโญ่ แล้ว...เขาสามารถอยู่ได้นานเท่าไรที่เขาต้องการ อาจจะ 2 ปี 3 ปี หรือ 4 ปี...ในสเปน ยาวกว่านั้นคงยาก


แรงกดดันที่ว่าหมายความว่าคุณจะไม่เป็นโค้ชในอนาคตรึเปล่า?

ผมไม่มั่นใจ เมื่อผมตัดสินใจไม่เล่นแล้วเราจะได้เห็นกัน สิ่งๆเดียวที่ผมทำมา 17 ปีแล้วคือเล่นฟุตบอล แน่นอนผมได้ดู ได้สังเกต ได้เรียนรู้แนวคิดต่างๆ แต่ถ้าผมจะเป็นโค้ชจริงๆ ผมต้องไปเข้าหลักสูตรการฝึกสอนโค้ชที่จำเป็น การที่ลงเล่น กับการที่ตัดสินใจให้คนลงเล่นมันต่างกันมากๆ ตัวอย่างเช่น เป็ป กวาดิโอล่า...เขาทำผลงานได้ยอดเยี่ยม แต่เขาจะอยู่อีกยาวไหม? อีกปีนึง? ในขณะที่ มูรินโญ่ ผมคิดว่านะคงจะอยู่กับ มาดริด อีก 3 หรือ 4 ปี...มันไม่ง่ายเลย คุณต้องอดทนรอ อย่ารีบ


เราได้คุยกันถึงเรื่อยความกดดัน และคุณบอกว่าคุณพอใจกับซีซั่นนี้...ชาลเก้ เข้ามาถึงรอบนี้เนี่ย ไม่มีความกดดันเลยหรอ?

เอาจริงๆผมคิดว่าเราไม่กดดันเลยทั้งปี ถ้าเราแพ้อีกหลายๆเกมส์ในลีก หล่นอยู่ในโซนตกชั้น ก็อาจจะไม่แน่นะ แต่ตอนนี้เราอยู่กลางตาราง เพราะฉะนั้น แรงกดดัน? ไม่มีหรอก...เราเดินทางไป บาเลนเซีย คิดกันในหัวว่า "รอดูกันว่าเราจะเล่นโอเคไหม"...เราไป มิลาน เล่นกับทีมแชมป์...ผมจะบอกอะไรคุณให้นะ เราไม่บุกไปยิง อินเตอร์ 5 เม็ดหรอกถ้าเราอยู่ในความกดดัน


แล้วตอนนี้หละ?

ตอนนี้? เราฝันถึงการเอาชนะ ยูไนเต็ด รอดูกันว่าเราเป็นทีมที่ดีกว่าหรือไหม...หรืออาจจะไม่...ความจริงในตอนนี้บอกว่า ยูไนเต็ด ดีกว่า แต่เราก็จะพยายาม เราอาจจะได้เปรียบในมุมนี้ก็ได้ แมนเชสเตอร์ คงคิดกันว่า "เราต้องเข้าชิงๆ" เพียงแต่พวกเขาอาจจะเคยชินกับมัน เหมือนกับ มาดริด นั่นแหละ พวกเขาอยู่ภายใต้ความกดดันทุกๆวัน ถ้าพวกเขา "ผ่อน" นิดนึงเมื่อไร ใครจะรู้? ที่ๆเรามีแรงกดดันมากกว่าคือบอลถ้วย เราเจอกับทีมดิวิชั่นสอง แต่กับ ยูไนเต็ด? เรากำลังเล่นได้ดี เรารู้ว่าเราจะต้องทำอะไร...เรามี เจฟเฟอร์สัน ฟาร์ฟาน ซึ่งเร็ว และลีลาจัดจ้าน...ฆูราโด้ กำลังพัฒนาเรื่อยๆ...นอยเออร์ เล่นดีมากๆ ก่อนหน้านี้ผมไม่รู้จักเขามากมายนัก แต่เขาเหลือเชื่อมากๆ คุณน่าจะเห็นเขาในการฝึกซ้อม การเซฟของเขา การขว้างบอลเกินเส้นครึ่งสนาม ทุกๆอย่าง...บางทีเขาอาจจะครบเครื่องกว่า กาซิยาส ซะอีก...ที่สำคัญเขาอายุแค่ 25...น่าเสียดายแทน ยูไนเต็ด ผู้คนบอกว่าเขาจะย้ายไป บาเยิร์น


รอบชิงที่ เวมบรี่ย์

ผมไม่เคยยิงประตูกับ บาเยิร์น มิวนิก และผมยิงพวกเขาในบอลถ้วย...ผมไป ซาน ซิโร่ และยิงประตูใส่ อินเตอร์ ซึ่งผมก็ไม่เคยทำมาก่อน...ผมไม่เคยไป เวมบรี่ย์ เป็นหนึ่งในสนามที่คึกคักมากๆ ผมอยากไปที่นั่น ไม่ว่าจะในฐานะนักเตะ หรือในฐานะแฟน เรอัล มาดริด


นั่นไง! ถ้าคุณได้เข้าชิง มันอาจจะเป็นนัดชิงกับ เรอัล มาดริด...ฝันดีหรือฝันร้าย?

ผมไม่รู้เหมือนกัน ตอนนี้ผมไม่สามารถหาคำบรรยายได้ ถ้ามันจะเกิด มันก็เกิด...[ราอูล หยุดพูด]...เหนือกว่าสิ่งที่พิเศษอื่นๆ ผมไม่ได้คาดหวังว่าจะได้มาถึงตรงนี้ ผมจึงพอใจ ตอนนี้ผมอยากได้อะไรมากกว่านั้น ผมไม่รู้ว่าเมื่อไรจะมีโอกาสแบบนี้อีก ลองดู มาดริด สิ...7 ปีกับการที่ไม่ได้เข้ารอบ 8 ทีม ไม่มีใครเชื่อหรอก...เจอกันในรอบชิงมันคงสุดยอดกว่าเดิมอีก...ผมหวังว่ามันจะเป็น มาดริด...[ราอูล หยุดอีก]...มันแปลก...มันแปลกมากๆ ถ้าคุณสามารถการันตีได้ว่าคุณจะชนะในรอบชิง บางทีมันอาจจะดีกว่าถ้าเจอ บาร์เซโลน่า...ถ้าไม่เช่นนั้น ผมอยากเจอ มาดริด...รอดูกันดีกว่าว่าฟ้าได้ลิขิตอะไรไว้ให้เรา...




hala madrid!