6.12.10

แฮร์รี่ พ็อตเตอร์ กับ ไม้กายาสิทธ์


กลับมาทั้งที ตอนแรกก็กะจะไม่เขียนถึงแล้วนะ แต่รู้สึกว่ามันต้องเขียนจริงๆ ไม่งั้นเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง...อาจจะช้าไปหน่อย แต่คิดว่าบาดแผลจากแคว้น กาตาลัน ยังคงเป็นแผลสด บาดลึกอยู่กลางใจแฟนๆ มาดริดิสต้า อย่างแน่นนอน...


ก่อนอื่นขอเริ่มด้วยการบอกว่าความพ่ายแพ้ต่อ บาร์เซโลน่า ครั้งนี้ เป็นครั้งที่กระเทือนจิตใจผมมากที่สุดตั้งแต่เริ่มดู เรอัล มาดริด มาเลย...หลายๆคน รวมถึงผู้คนที่อยู่ในวงการลูกหนัง และ เกี่ยวกับข้องกับ เรอัล มาดริด ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นว่า เป็นการพ่ายแพ้่ที่ย่อยยับสุดในประวัติศาสตร์ของทีม (ซึ่งผมพูดไม่ได้ เพราะไม่ได้ตามมานานขนาดนั้น)...

ตั้งแต่นาทีแรก ถึงนาทีสุดท้าย มาดริด ทำอะไรข่มขู่ บาร์ซ่า ได้เลย...ในเกมส์ที่แพ้ 2-6 คา เบอร์นาบิว อย่างน้อยๆตอนต้นเกมส์ เกมส์ยังเปิดสู้กันสนุก ซึ่งก็เป็นฝ่าย มาดริด ที่ได้ประตูขึ้นนำ (จากลูกโหม่งของ อิกวาอิน)...แต่ในเกมส์นี้ ทีมไม่สามารถสู้ได้เลยแม้แต่นิดเดียว

บาร์เซโลน่า เป็นทีมที่ดีกว่าชัดเจน และ มันก็เป็นตัวดึง มูรินโญ่ และ ลูกทีม กลับมาสู่พื้นโลกอีกครั้ง...เป็นการพ่ายแพ้ที่ยับเยินที่สุดของ มูรินโญ่ ผู้จัดการทีมที่ได้ชื่อว่า "เดอะ สเปเชี่ยล วัน"....เป็นบทพิสูจน์ว่าไม่มีผู้จัดการทีมคนไหนในโลกที่มีไม้กายาสิทธ์ เหมือนกับที่ สื่อ แฟนบอล เขาว่ากัน...ทุกๆฝ่ายต่างยกยอผู้ชายคนนี้ เหมือนกับว่าเขาไม่ใช่ มนุษย์ เหมือนกับว่าเขามีพลังวิเศษอะไรบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ซึ่งมันก็เป็นผลดีในบางแง่มุม ทำให้นักเตะ และ แฟนบอลมีความเชื่อมั่นใจตัวผู้จัดการทีม


แต่ก็อย่างว่า ยิ่งสูงยิ่งหนาว ยิ่งสูงตกลงมาก็ยิ่งเจ็บ มันก็เหมือนกับว่าเราเป่าลูกโป่ง ทั้งสื่อทั้งแฟนบอลต่างก็ยกยอเขา เปรียบเหมือนเป็นการเติมลมเข้าไปในลูกโป่งทีละนิดๆ สักวันนึง ไม่ช้าก็เร็วมันก็จะแตก และ ในที่สุดมันก็แตกจนได้ และมันก็แตกในชนิดที่ไม่น่าดูเอาเสียเลย ถึงแม้ มูรินโญ่ จะพูดไว้หลายต่อหลายครั้งว่าเขาไม่ใช่ผู้วิเศษอะไร ไม่ใช่ แฮร์รี่ พ็อตเตอร์...แต่ด้วย บุคลิกการวางตัวของเขา ทำให้เขาเป็นเป้าหมายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของสื่อไปโดยปริยาย

จริงๆมีเรื่องให้พูดถึงมากมายเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นการผิดพลาดทางแท็กติก การที่ผู้เล่นแต่ละคนเล่นได้ไม่ตามมาตรฐาน และ อีกหลายๆเรื่องมากมายที่ทำให้เกิดการพ่ายแพ้ึครั้งประวัติศาสตร์ครั้งนี้ แต่จะโทษเราอย่างเดียวก็ไม่ได้ ต้องยกความดีความชอบให้ทีม บาร์เซโลน่า ซึ่งหลายๆคนยกให้เป็นทีมชุดที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ไปเรียบร้อยแล้ว (ผมว่ายังไม่ถึงขนาดนั้น) ว่าทำผลงานในสนามได้ดี แม้ว่าจะแอบผิดหวังในพฤติกรรมนอกเกมส์ของบางคนก็ตาม (เช่นเดียวกับบางคนจากทีมตัวเอง)


เป็นเกมส์ที่พิสูจน์ว่าไม่มีผู้จัดการทีมคนไหนในโลกที่มีไม้กายาสิทธ์...มูรินโญ่ ก็แค่คนธรรมดา...แต่หากไม้กายาสิทธิ์ที่ว่ามีอยู่จริง...ช่วงที่มันจะร่ายเวทย์มนต์ก็คงช่วงนี้แหละ...คงมีโค้ชไม่กี่คนในโลกที่ระหว่างเกมส์ จดทุกๆรายละเอียด หลังจากจบเกมส์ อดหลับอดนอน ดูเทปเป็นสิบๆรอบ หาจุดบอดในเกมส์ของทีมตนเอง ปรับปรุงแก้ไขทุกรายละเอียด กระตุ้นลูกทีมกลับมาเหมือนเดิม....ผมว่าสิ่งเหล่านี้แหละ ที่ใครๆหลายๆคนอาจเรียกว่า ไม้กายาสิทธิ์...

ปีที่แล้วกับ อินเตอร์ มิลาน มูรินโญ่ ก็เจอเหตุึการณ์คล้ายๆแบบนี้แหละ...บุกมาพ่ายแพ้ต่อ บาร์เซโลน่า แบบที่สู้ไม่ได้เลยด้วยสกอร์ 2-0 (สกอร์ยังพอสู้หน้าได้อยู่) ในรอบแบ่งกลุ่ม...เขากลับไป หาจุดบกพร่องในทีม แก้ไขมัน ขายนักเตะต่างๆที่ไม่ใช้ เสริมทีมเพื่อให้ได้ทีมที่เขาต้องการ และ เมื่อมาเจอกันอีกรอบในรอบน็อคเอ้าท์ มูรินโญ่ กลับมาเอาชนะได้่ เข้าชิงชนะเลิศ ได้แชมป์ ยูฟ่าแชมป์เปี่ยนส์ลีก ที่กรุงโรม ในขณะที่ บาร์เซโลน่า ได้เพียงแต่นั่งดูอยู่หน้าทีวี (หวังว่าจะจบในทำนองเดียวกัน)


รอดูกันต่อไปว่าทีมๆนี้จะสามารถกลับมายืนอยู่ในจุดที่ควรจะอยู่ได้หรือไม่ เป็นการพ่ายแพ้ที่ย่อยยับ 5-0 ต่อคู่ปรับตลอดกาล ที่ยับที่สุดในประวัติศาสตร์ก็จริง...แต่สุดท้ายมันก็แค่เสีย 3 คะแนนก็แค่นั้น...ยังไงลูกโป่งลูกนั้นมันก็ต้องแตกสักวันอยู่ดี มูรินโญ่ ก็รู้ว่า แม้ว่าทีมจะยังไม่เคยแพ้ใคร (ก่อน เอล กลาซิโก) ไม่ช้าก็เร็วยังไงก็ต้องแพ้อยู่ดี ซึ่งการแพ้ตอนนี้ก็ยังดีกว่าไปแพ้ช่วงท้ายๆของฤดูกาล ซึ่งเป็นช่วงสำคัญ การแพ้ครั้งนี้ทำให้เราได้เห็น ได้กลับมามองตัวเอง ได้เห็นจุดอ่อนต่างๆที่อาจไม่เคยเห็นมาก่อน บางครั้งเราก็ต้องถอยกลับหลังมาเพื่อก้าวไปข้างหน้าให้ยาวขึ้น...

แฟนๆก็อย่าท้อ! แ้ล้วหันมารอดู มูรินโญ่ ร่ายเวทย์มนต์กันดีกว่า....



 hala madrid!